1. เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบน้อยชนิด เพราะยิ่งมากส่วนผสมยิ่งเพิ่มโอกาสแพ้
2. ครีมกันแดด แพทย์ผิวหนังแนะนำที่ SPF15 โดยต้องกรองได้ทั้ง UVA และ UVB ผู้แพ้ง่ายควรใช้ physical sunscreen ซึ่งมีอยู่ 2 ตัวคือ TiO 2 และ ZnO เท่านั้น ควรหลีกเลี่ยงชนิดที่เป็นสารเคมี หรือมีผสมอยู่น้อยที่สุด ยิ่ง SPF สูงยิ่งเพิ่มชนิดและปริมาณเคมี
3. อย่าใช้เครื่องสำอางหมดอายุ นอกจากหมดคุณภาพ ส่วนผสมกลายตัวแล้ว เชื้อโรคยังอาจเติบโตได้เพิ่มขึ้น
4. เลี่ยง เครื่องสำอางกันน้ำ (Waterproof) เหตุเพราะติดทนทาน นานจนล้างยาก ต้องใช้สารชำระล้างหลายชนิดเพื่อละลายและลอกไขมันออก เพิ่มโอกาสแพ้และระคายเคืองต่อผิว ทั้งตอนใช้และเวลาล้าง
5. เลือกแบบแป้งดีกว่าแบบน้ำ เพราะแป้งช่วยดูดซับความมันได้ แล้วยังใส่สารกันเสียหรืออื่นๆ น้อยกว่า (แต่แป้งกันแดดไม่ได้ผล)
6. ใช้ ดินสอเขียนขอบตาและคิ้วดีกว่าeyeliner ชนิดเหลว เพราะ liquid eyeliners จะมียางลาเทกซ์เป็นส่วนประกอบ ซึ่งแพ้ง่าย, ล้างยากกว่าดินสอ
7. สีทาเปลือกตา เลือกชนิด earth–toned จะระคายเคืองน้อยกว่าสีโทนอื่นๆ เพราะสีที่เข้มมักต้องผสมเคมีหลายๆ ชนิดเข้าไป เกิดโอกาสแพ้สูง
8. ดินสอเขียนขอบตาและมาสคาร่า ควรเลือกสีดำจะปลอดภัยกว่าสีอื่น และโอกาสแพ้น้อยกว่า เพราะไม่ต้องใช้สารสีหลายขนาน
9. เลือกครีมรองพื้นชนิดที่มีซิลิโคน (silicone) ถ้าจำต้องใช้รองพื้นชนิดเหลวแทนแป้งแบบแห้ง ก็ควรเลือกที่เป็นน้ำมันซิลิโคน เพราะไม่ก่ออาการแพ้
10. อย่าทาเล็บโดนผิวอ่อนบางหรือเยื่อบุ ระวังเล็บที่ทายังไม่แห้งไปโดนหน้าหรือดวงตา เพราะเป็นผิวที่บอบบางอ่อนไหวง่าย acetone ในยาทาเล็บอาจทำให้เยื่อบุผิวอักเสบได้
11. สังเกตจดจำส่วนผสมในเครื่องสำอางที่เคยแพ้ ควรบันทึกเป็นข้อมูลสำคัญเฉพาะตัว เพื่อเตือนสติก่อนใช้
12. อย่าเปลี่ยนเครื่องสำอางบ่อย เพราะต้องเริ่มต้นทดสอบผิวแพ้ทุกครั้ง แม้จะดูรายการประกอบว่าไม่มีอะไรแตกต่าง
13. การเริ่มใช้เครื่องสำอางใหม่ใดๆ ต้องทดสอบที่ท้องแขนหรือติ่งหูทุกครั้ง เพราะฉลากอาจบอกส่วนผสมได้ไม่หมด
14. เลเบลที่ว่า Hypoallergenic แพ้น้อย ก็ยังแพ้มากได้ในคนขี้แพ้ !