มีเรื่องฮือฮาในวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อผู้ผลิตยายักษ์ใหญ่ของโลกรายหนึ่งพบ “ยาป้องกันสมองเสื่อม” แน่นอนว่าอะไรที่ฝรั่งค้นพบ วิจัยกันเป็นงานสำคัญ เมื่อนั้นต้องตกเป็นข่าว
โรคสมองเสื่อม มนุษย์ทุกคนเป็นกันทั้ง นั้น ฟังแล้วคงตกใจ อาการเสื่อมทางสมองคงไม่ต่างจากการที่ร่างกายเรามีอนุมูลอิสระ มีน้ำตาล มีไขมันปนเปื้อนในกระแสเลือด เพียงอาการดังกล่าวร่างกายยังสามารถสู้มันได้ โดยการกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือปนเปื้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรคสมองเสื่อมก็เช่นกัน เมื่อคนเราพ้นวัยเจริญเติบโต เมื่อโกรท ฮอร์โมน (growth hormone) ปรับเปลี่ยนระบบ ความสูงของคนหยุดนิ่ง เซลล์สมองของคนมันก็นิ่งด้วย เมื่อเซลล์สมองโตเต็มที่แล้วมีการใช้งาน เซลล์สมองเริ่มมีการตายหรือเสื่อมสภาพ แต่เซลล์สมองยังมีการผลัดเซลล์เก่า ทิ้ง สร้างเซลล์ใหม่เสริมเข้ามาตลอดเวลา” แต่มันยังมีเงื่อนไขอีก ว่าเรานั้นดูแลมันดีแค่ไหน หากยังไม่เข้าใจ ไม่ดูแล แน่นอนว่าสมองก็คงไม่ได้รับอาหาร ซึ่งเปรียบเสมือนยา เมื่อสมองขาดยา อัตราการตายหรือการเสื่อมของเซลล์สมองย่อมไม่สมดุลต่อการเกิดใหม่
เมื่อเซลล์สมองเสื่อม จะเกิดอะไรขึ้น ก็เกิดโรคทางสมองซึ่งมีมากมายหลายหลาก อาทิ เริ่มหลงๆ ลืมๆ มึนงง นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หากรุนแรงอาจเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาต…ฯลฯ การค้นพบยาที่ฝรั่งตีฆ้องร้องป่าว ฝรั่งถือเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก…ก่อนหน้านี้มีการพบว่า สมองที่เสื่อมมีสาเหตุจากการใช้ชีวิตประจำวัน มีสิ่งแวดล้อมกับเรื่องอาหารการกินเป็นปัจจัยเสี่ยง การสูดดมควันเสียทุกวันนี่ก็มีผลกับสมอง คนสูบบุหรี่ยิ่งแย่กว่า เหมือนตั้งใจฆ่าตัวตาย…การกิน…มีผลต่อสมองมากที่สุด
มนุษย์เป็นสัตว์โลกกินไม่เลือก…อาหารที่ใส่ปากเข้าไปทุกวันมันไปก่อผลเสีย โดยตรงต่อสมอง โดยเฉพาะขนมหวานทั้งหลาย ไม่ว่าขนมของชนชาติไหน สำหรับเราที่เห็นชัดคือขนมที่ฝรั่งเอามาสอนให้คนไทยกิน ไม่ว่าเค้กสารพัดหน้าแสนสวยชวนลิ้มลอง ทั้งหวานทั้งมัน…ขนมปัง…ขนมไทยเราก็ใช่เล่น กินไปมากๆ ก็ทำสมองพังเช่นกัน ซ้ำร้ายยังกินธัญพืชที่ถูกขัดสี แล้วอาหารสมองจะอยู่ตรงไหน นอกจากสมองจะไม่ได้อาหารแล้วมันยังก่อโทษภัยร้ายแรงอย่างคาดไม่ถึง…อาหาร พวกนั้นมันจะไปสะสมสิ่งสกปรกให้เซลล์สมองมีการปนเปื้อน เรียกว่า “เพลก” (plague )
เพลกตัวนี้ก่อโทษต่อสมองรุนแรง เพลกเป็นส่วนที่ตกค้างจากอาหารหรือขนมที่เรากิน มันจะเปลี่ยนรูปแล้วไปหุ้มก้อนสมอง มีลักษณะเป็นเมือกหนา นึกภาพตามแล้วจะสยอง เมื่อเพลกเกาะสมองหนาขึ้นทุกวัน สมองจะได้รับออกซิเจนในปริมาณที่ต่ำ เลือดก็ขึ้นไปเลี้ยงสมองยาก เมื่อทั้งออกซิเจนทั้งเลือดไปเลี้ยงสมองได้ยาก เราจึงเริ่มป่วย ป่วยด้วยอาการยังไม่รุนแรง เช่น มึนงงบ่อยหรือง่าย ไม่สดชื่น นอนไม่หลับหรือนอนไม่อิ่ม นี่คือการที่สมองมีเพลกหรือมีเมือกจับ การแพทย์ซีกโลกตะวันตกเจอปัญหานี้มานานแล้ว แต่พบปัญหาอย่างเดียวสามารถหาสมมุติฐานของโรคได้ ส่วนการรักษายังไม่เจอ การค้นพบยา ครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ สำหรับใช้ป้องกันสมองเสื่อม ซึ่งต่างต้องดีใจเป็นธรรมดา เพราะนั่นหมายความว่าโลกเราจะมีผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมน้อยลง โรคอัลไซเมอร์ที่กลัวกันนัก อนาคตก็ไม่ต้องผวากับมัน ที่ว่าฝรั่งค้นพบยาล้างสมอง…คงหมายถึงยานี้จะใช้ล้างเพลก คือสิ่งปนเปื้อนในสมอง เพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อมนั่นเอง
…แต่อยากขอบอก…ว่าฝรั่งมาช้ากว่าเรา อย่างน้อยก็ 1,000 ปี
ชาวตะวันออกมียาล้างสมองกินมาเป็นพันปีแล้ว แต่เรากินมันอย่างขาดความรู้ความเข้าใจ คือกินของดีมีประโยชน์มานานมาก แต่ไม่ทราบ ซ้ำร้ายเรายังทำลายของดีอีก และวันนี้มีผู้คนให้ความสนใจหรือความสำคัญกับมันน้อยมาก ของดีที่ว่าคือ…พุทรา…
ผมหมายถึง พุทราพันธุ์พื้นเมืองของไทย หรือพุทราป่า พุทราตามหัวไร่ปลายนา ถามว่าวันนี้เด็กรุ่นใหม่รู้จักพุทราสายพันธุ์นี้หรือเปล่า หากเป็นคนบ้านนอกท้องนา เชื่อว่าทุกคนยังรู้จัก คนเมืองนั้นแทบลืมไปแล้ว เป็นพุทราลูกเล็ก เน่าเสียง่าย เก็บไว้ไม่นานเท่าไร มันจะเหลือง และเน่าเสียหมด เก็บมาจึงต้องรีบกิน…พุทราชนิดนี้…คือยาล้างสมองชั้นดีที่สุด ไม่มีอะไรดีเท่ามันแล้ว คนโบราณที่เขาความจำดี ยังแข็งแรง เพราะทั้งคุณปู่คุณตามีพุทราที่ว่านี้กินทุกปี…พุทราไทยออกผลปีละครั้ง ในช่วงฤดูหนาว การได้กินพุทราไทยตามฤดูกาล หมายถึงว่า สมองเราจะถูกล้างสิ่งปนเปื้อนทิ้ง เป็นการทำความสะอาดครั้งใหญ่ให้เซลล์สมองปีละครั้งเท่านี้พอแล้ว
จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเมืองมีพุทราไทย วันนี้น้ำท่วมเสียหายมาก ผมชอบป้าคนหนึ่งแกเชื่อมพุทราไทยขายแถววัดศาลาปูน ใกล้บ้านเกิดคุณดำรงค์ พุดตาล ก็คงไม่มีกินแล้ว…วันนี้พุทรามีการผสมจนหน้าตาเปลี่ยนไป บางพันธุ์ดูคล้ายของเดิม ซึ่งไม่ใช่ไทยแท้ก็กินได้แต่ฤทธิ์การเป็นยาอาจด้อยกว่า ก็ยังดีที่มีกิน…ฝรั่งถูกยกย่องว่าเก่ง แต่ไทยเจ๋งกว่า เชื่อได้เลยว่าหากยาตัวนี้ออกมามันคงโก่งราคาแน่ คนจนอย่างเรากินพุทราไปเถอะ ล้างสมองด้วยของไทยๆ สบายกระเป๋ากว่า
ที่มา: บ้านเมือง
ภาพจาก internet