ถ้าพูดถึงแบรนด์ขนตาปลอมที่คนใช้เยอะสุดๆ ตอนนี้ ก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากขนตาปลอมกล่องสีฟ้า ที่มีชื่อแบรนด์เก๋ๆ ว่า “บอกต่อ” เอาเป็นว่าช่างแต่งหน้าเกือบทุกคนก็ใช้ ไม่เว้นแม้กระทั่งช่างแต่งหน้าคิวทองอย่างน้องฉัตรด้วยนะจ๊ะ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเบื้องหลังความสวยของเราเนี่ย ถูกสร้างขึ้นด้วยสองมือของผู้หญิงเก่งคนนึงค่ะ และวันนี้เราโชคดีที่คุณ ปราง บอกต่อ ตอบรับคำชวนมาพูดคุยเล่นสนุกๆ ให้สาวๆ Ladyissue ได้ล้วงความลับกัน ^^ เดี๋ยวจะแอบไปถามเคล็ดลับสวย รวย เก่ง มาให้นะ อิอิ
ช่วยแนะนำตัวในแบบสาวสวยสไตล์คุณปรางหน่อยค่ะ
สวัสดีค่ะ ชื่อ “ชลธิชา ศรีแสวง” ชื่อเล่นชื่อ “ปราง” นะคะ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการผุ้จัดการ บริษัท บอกต่อคอสเมติกส์ จำกัด คุณพ่อชื่อ นายชัยณรงค์ ศรีแสวง คุณแม่ชื่อ นางเพญฆมาศ ศรีแสวง มีพี่น้อง 3 คน ปรางเป็นคนที่ 3 ค่ะ (น้องเล็กสุด) ปรางจบการศึกษาระดับปริญตรี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แล้วก็จบการศึกษาระดับปริญญาโท คณะเภสัชศาสตร์ สาขาเภสัชอุตสาหกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ
เป็นมายังไงถึงเป็นสาวสวยและรวยมากอย่างทุกวันนี้
ยัง…ยังไม่รวยค่ะ ไปเอามาจากไหนว่ารวย 555 แต่ถ้าถามว่าเริ่มต้นเป็นไงมาไงจนมาถึงทุกวันนี้ ก็น่าจะเป็นโอกาสและจังหวะค่ะ 2 สิ่งนี้สำคัญมากจริงๆ นะ เคยเห็นหลายคนเก่ง หลายคนมีความสามารถ แต่เค้าอาจจะขาดโอกาสที่ทำให้เค้าได้แสดงออกมา ก็เลยทำให้ไม่มีใครเห็น แต่ที่ปรางกำลังจะบอกก็คือ โอกาสนั้นมีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นนะ คือ รอโอกาส กับ วิ่งเข้าหาโอกาสสำหรับปราง ปรางผลักดันตัวเองให้เป็นแบบอย่างหลังค่ะ
ในช่วงที่การขายของออนไลน์เริ่มบูม ปรางจึงรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ทันที ไม่รีรอ เริ่มต้นขายหลายอย่างเลย เริ่มจากขายครีมทาหน้า สบุ่ล้างหน้า ยาลดความอ้วน โดยการรับมาแล้วเอามาขายต่ออีกที ก็ขายได้เรื่อยๆ จากนั้นเราก็เริ่มรู้ช่องทางและวิธีการทำตลาดในออนไลน์มากขึ้น เลยเริ่มมองหาสินค้าใหม่ๆมาขายโดยยึดหลักการที่ว่า ขายอะไรที่เค้าไม่ขายกันหรือขายกันน้อยมากที่สุด นั่นก็คือการหาความต่าง ข้อสรุปก็มาหยุดอยู่ที่ขนตาปลอม
ซึ่งตอนนั้นเนี่ยจำนวนผู้จัดจำหน่ายสินค้าประเภทขนตาปลอมยังมีไม่มาก ปรางก็เริ่มศึกษาอย่างจริงจัง รับมาขายในช่วงแรก พอขายไปสักพักเรารู้สึกว่ามันไปได้นะ มันเห็นแนวทางการขาย เห็นแนวทางการทำตลาด จากนั้นก็ตัดสินใจทำแบรนด์เป็นของตัวเองเลยละกัน นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิด “บอกต่อ” ค่ะ
แต่ก็หลังจากทำแบรนด์แล้วก็ใช่ว่าจะผ่านฉลุยนะ ระหว่างทางที่เดินมีบทเรียนอยู่ตลอดทาง มีปัญหาเกิดขึ้นทุกวันให้แก้ไข เคยนอนไม่หลับและก็คิดว่าการขายของแบรนด์คนอื่นกับขายของแบรนด์ตัวเองมันต่างกันมากเลยนะ ขายของแบรนด์คนอื่นเราเราก็แค่รับมาขายไปพอกระแสเริ่มตกเราก็เปลี่ยนไปขายสินค้าตัวอื่น ภาระความเสี่ยงมีน้อย แต่พอมาขายแบรนด์ของตัวเองนี่สิ เครียดเพิ่มขึ้นเพราะกลัวขายไม่ได้ เสี่ยงมากขึ้นเพราะลงทุนสูง กดดันมากขึ้นเพราะเราขี่หลังเสือละ ทั้งหมดคือการเทหมดหน้าตักที่มี เพราะสิ่งที่เราทำอยู่นี่มันไม่ใช่แค่สินค้าที่เป็นแบรนด์เรา แต่มันคือทั้งชีวิตเราเลย นี่แหละการสร้างแบรนด์
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าใครอยากทำแบรนด์ก็อย่าไปคิดเยอะ เพราะคิดเยอะแล้วจะไม่ได้ลงมือทำสักที มันจะมีแต่ความกลัว นึกออกใช่มั้ย ลุยเลยสนุกดีออก อย่างนึงที่สำคัญมากที่อยากจะฝากทุกๆ คนไว้เมื่อเราเจอกับปัญหาคือ สติ ค่ะ และพยายามคิดบวกเข้าไว้ แล้วเราจะเจอทางออกเอง
ขนตาปลอมบอกต่อดังมากๆ มีแรงบันดาลใจมาจากอะไร
ปรางอยากสร้างสินค้าขึ้นมา และทำให้มันเป็นเสมือนอวัยวะที่ 33 ของผู้หญิงทุกคน นี่คือทัศนคติอย่างแรกที่ปรางตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้นค่ะ
ชื่อแบรนด์เก๋ๆ นี้ได้แต่ใดมา
อย่างแรกเลยที่ปรางคิดคือ ชื่อแบรนด์ต้องเป็นคำภาษาไทยที่คนไทยอ่านและเข้าใจได้ง่าย จากนั้นเราก็มาคิดว่าเราจะตั้งว่าอะไรดีที่จะทำให้คน ได้มอง ได้เห็น ได้ยิน และพูดแล้วติดปาก จนปรางหยุดอยู่ที่คำๆ นึง ก็คือ “บอกต่อ” คำนี้เราจะได้ยินบ่อยมาก คำๆ เดียวบอกถึงจุดมุ่งหมายของเรา นั่นคือการบอกต่อกันไปเรื่อยๆ ในยุคของการสื่อสารด้วย Social Network เป็นการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา รวดเร็ว รวมทั้งยังซื่อตรงต่อผู้รับสารอีกด้วย อะไรดีก็บอกต่อกัน อะไรที่ไม่ดีก็ยิ่งบอกต่อกันได้ง่ายและรวดเร็ว
ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิด ที่เราทำ ต้องผ่านกระบวนการคิดอย่างละเอียดอ่อนทุกขั้นตอน ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์อะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ภายใต้แบรนด์บอกต่อผลิตขึ้นมานั้น ต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อที่จะให้ทุกๆ คนบอกต่อถึงเราแต่ในสิ่งที่ดีที่สุดเสมอเช่นกัน คำว่า “บอกต่อ” จึงมีนัยยะสำคัญเป็นแรงกระตุ้นและแรงผลักดันที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาให้ดีที่สุดสู้ผู้บริโภคทุกๆ คน
จุดพีคที่ทำให้บอกต่อเป็นอันดับหนึ่ง
จริงหรอ? บอกต่อเป็นอันดับหนึ่งแล้วหรอคะ อันนี้ปรางไม่แน่ใจนะ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ปรางก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้โอกาสสินค้าแบรนด์ไทยแบรนด์เล็กๆ แบรนด์นี้ไว้ด้วยนะคะ
จุดไหนบนใบหน้าของผุ้หญิงที่คิดว่าสวยที่สุด
บางคนคิดว่าปาก บางคนคิดว่าคิ้ว บางคนคิดว่าดวงตา บางคนคิดว่าจมูก มันเป็นรื่องของรสนิยมความชอบส่วนบุคคลนะ แต่สำหรับปรางไม่มีหรอกค่ะที่อะไรบนใบหน้าสวยที่สุด มีแต่สวยยังไม่สุดค่ะ ดังนั้นเราต้องหมั่นดูแลตัวเองตลอดเวลา ถ้าหากเราอยากเป็นคนที่สวยที่สุดทั้งใบหน้า
ระหว่างแต่งตัวสวยๆ กับแต่งหน้าสวยๆ ถ้าให้เลือกอย่างเดียว เลือกอะไรดี?
เลือกแต่งหน้าสวยๆ ดีกว่าค่ะ ความสวยคือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรขาดนะคะ ลอกนึกเล่นๆ ดูนะ เมื่อเราไปเที่ยวสังสรรค์กับแก๊งเพื่อนสาว โดยเฉพาะเวลากลางคืน คนก็จะเห็นแต่หน้าเรา…ถูกมั้ย เผื่อว่าหนุ่มโต๊ะข้างๆ เค้าเห็นความสวยของเราเค้าจะได้บอกต่อกับเพื่อนๆ ในกลุ่มว่าให้มองมาที่เราสิ ผู้หญิงคนนั้นสวยนะ หึหึ เป็นไงละ ใสใส จบปึ้ง 555+ แต่พอเอาเข้าจริงเราทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ผู้หญิงเราต้องสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า เท่านั้นไม่พอนะ จิตใจต้องสวยด้วยนะคะ เค้าเรียกว่าสวยทั้งภายนอกและภายใน
ทำธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงามของผู้หญิงแบบนี้ ถ้าให้เปรียบตัวเองเป็นเครื่องสำอางสักชิ้น จะเป็นเครื่องสำอางอะไรดี
อืมม…ถามอย่างนี้ก็ต้องเป็นขนตาปลอมค่ะ เพราะนอกจากขนตาปลอมจะเป็นอวัยวะที่ 33 ของผุ้หญิงทุกคนตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจนี้แล้ว ทุกคนเคยได้ยินประโยคนี้ไหมคะ ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ และนี่ละขนตาปลอม ก็คือเป็นหัวใจของปรางค่ะ
เร็วๆ นี้ จะมีโปรเจคหรือ แคมเปญอะไรออกมาอีกไหมคะ?
มีค่ะ นี่ยังไม่เคยบอกที่ไหนเลยนะคะเนี่ย โปรเจคชื่อว่า “MAKE ME UP” เป็นโปรเจคที่ปรางอยากให้โอกาส ช่างแต่งหน้าไทย ได้มีโอกาสแสดงความสามารถออกมา ได้ทำอะไรที่ตัวเองไม่เคยคิดจะกล้าทำ และจะนำผลงานของทุกคนออกสู่ทั่ว AEC ค่ะ อยากรู้ว่าคืออะไร ติดตามชมค่ะ
ขอประโยคสั้นๆ นิยามความเป็นตัวของตัวเองหน่อยค่ะ
“บอกต่อ” วนไปค่ะ…รออะไร
ขอบคุณภาพสวยๆ จาก IG punggung, bohktoh_official