สาวๆซื้อครีมกันแดดมักจะเห็นคำว่า SPF, PA+++ แถมยังเคยได้ยินว่าเอาที่มีเลขเยอะๆไว้ก่อนน่าจะกันแดดได้มากกว่า ถามจริงๆสาวๆรู้ไหมเนี่ยว่า ค่า SPF, PA+++ หมายความว่ายังไง กำลังบอกข้อมูลอะไรกับเราอยู่ มาทำความเข้าใจกันดีกว่าค่ะ
- ค่า SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นตัวระบุเวลาในการปกป้องผิวจากรังสี UVB
- ปกติผิวของเราจะรับมือกับแสงแดดโดยปราศจากครีมกันแดดได้ประมาณ 20-30 นาที
- ถ้าครีมกันแดดหรือผลิตภัณฑ์นั้นระบุไว้ว่า SPF30 ก็จะหมายถึง เราสามารถอยู่กลางแดดได้ประมาณ 30×30 = 900 นาที หรือ 15 ชั่วโมง (โดยประมาณ) โดยที่ผิวไม่ไหม้แดง
- ควรทาครีมซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแดดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ทำไม SPF สูง ก็ไม่ได้ดีกว่าเสมอไป
โดยทั่วไป ครีมกันแดด SPF ประมาณ 15 ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนทั่วๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในแถบเอเชียอย่างเรา เว้นแต่คนที่ผิวไวต่อแดด หรือถูกผิวถูกแผดเผาให้หมองคล้ำได้ง่ายนั้น ใช้ SPF 30 ก็ถือว่าเพียงพอที่จะปกป้องผิวได้แล้ว
ตัวอย่าง ค่า SPF และ % การปกป้องแสง UV
• ค่า SPF เท่ากับ 2 จะดูดซับ UVB ได้ 50%
• ค่า SPF เท่ากับ 4 จะดูดซับ UVB ได้ 75%
• ค่า SPF เท่ากับ 8 จะดูดซับ UVB ได้ 87.5%
• ค่า SPF เท่ากับ 15 จะดูดซับ UVB ได้ 93.3%
• ค่า SPF เท่ากับ 20 จะดูดซับ UVB ได้ 95%
• ค่า SPF เท่ากับ 30 จะดูดซับ UVB ได้ 96.7%
• ค่า SPF เท่ากับ 45 จะดูดซับ UVB ได้ 97.8%
• ค่า SPF เท่ากับ 50 จะดูดซับ UVB ได้ 98%
จะเห็นว่า ค่า SPF หลังจาก 30 แล้ว ค่าที่จะป้องกัน แสง UV ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่ากับ SPF ที่เพิ่มขึ้น เมื่อผู้บริโภคตระหนักถึง ความสำคัญของครีมกันแดดแล้ว ก็จะคิดว่า ถ้าหากค่า SPF สูงๆ ย่อมที่จะป้องกันแสงแดดได้ดีกว่าแน่นอน เราจึงเห็นครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 100 ขายกันอยู่ เพื่อเป็นจุดขายนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับ SPF30 เลย
เผลอๆค่า SPF สูงๆ นั้นอาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย และอาจจะเกิดผดผื่นคัน แถมจะทำให้สีผิวของเราไม่สม่ำเสมอ เกิดรอยด่างขึ้นได้ และยังอาจจะทำให้เสื้อผ้าเป็นคราบสีเหลืองติดเสื้อผ้าอีกด้วย
PA คืออะไร
ครีมกันแดดใหม่ๆ ที่วางขายกันในตลาดมักประกอบไปด้วย UVA Filter และค่าที่วัดการป้องกันรังสี UVA เรียกว่า PA
PA ย่อมาจากคำว่า Protection Grade of UVA ในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยวัดที่เป็นมาตรฐานในการวัดค่าการดูดซึมของรังสี UVA ดังนั้นจึงถือเอาคำว่า PA เป็นหน่วยวัดรังสี UVA อย่างไม่เป็นทางการ
ค่า PA นั้นจะมี 3 ระดับคือ
PA+ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA
PA++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูง
PA+++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด
เอาล่ะค่ะ สาวๆ คงเข้าใจกันแล้วว่า SPF กับ PA+++ คืออะไร จะเห็นได้ว่าสัญลักษณ์เหล่านี้มีความสำคัญมากในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มี ส่วนผสมของสารกันแดด เพราะทำให้เรารู้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีประสิทธิภาพในการป้องกัน UVA และ UVB ได้มากเท่าใด ถ้าผลิตภัณฑ์นั้นระบุไว้แค่ค่า SPFอย่างเดียว หรือค่า PA อย่างเดียว ก็หมายความว่า ผลิตภัณฑ์นั้นไม่สามารถปกป้องผิวจากทั้ง 2 รังสีได้พร้อมๆ กัน นั่นก็คือ ป้องกันได้แค่รังสีชนิดเดียวเท่านั้น ทางที่ดี ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุทั้งสองค่าไปเลยดีกว่า เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดที่จะช่วยปกป้องผิวสวยๆของเราจากแสงแดดค่ะ