โดยทั่วไปผู้ชายมักมีผิวที่มันและมีรูขุมขนที่กว้างกว่าผู้หญิง ซึ่งมีฮอร์โมนเป็นตัวกำหนดความแตกต่าง โดยฮอร์โมนเพศชายจะควบคุมระดับการผลิตและการขับของซีบัม (Sebum) หรือสารไขมัน และระดับความหนาของชั้นผิว ระดับการผลิตและการขับของซีบัมที่สูงกว่าในผู้ชายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน การรักษาระดับความชุ่มชื่นของชั้นผิวให้เพียงพออยู่สม่ำเสมอ และช่วยให้การสร้างชั้นไฮโดรลิปิด (Hydrolipid) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำหล่อเลี้ยงในชั้นผิวภายในเป็นไปอย่างปกติ ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นช้ากว่าผู้หญิง แต่การผลิตซีบัมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเกิดสิวอักเสบและสิวอุดตันได้ง่ายขึ้น ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของซีบัมกับเซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้ว จนทำให้ต่อมไขมันขยายตัวขึ้น เกิดเป็นสิวอุดตัน ซึ่งนำไปสู่การสะสมของเชื้อโรคและสิวอักเสบในที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ชายมักประสบปัญหานี้มากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กวัยรุ่น นอกจากนี้ผิวของผู้ชายมีระดับความหนาของชั้นผิวมากกว่าของผู้หญิงถึงร้อยละ 20 เนื่องจากผิวหนังชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) มีความหนากว่า จึงช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำในผิวได้ดีกว่า นอกจากนี้ในชั้นหนังแท้ยังเต็มไปด้วยเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินที่มากกว่า จึงมีความยืดหยุ่นและความตึงกระชับของผิวมากกว่าผู้หญิง นอกจากนี้แล้วยังมีความแข็งแรง ต่อต้านสิ่งคุกคามได้มากกว่า และชั้นผิวที่หนากว่านี้ยังมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยช้ากว่าอีกด้วย แต่เมื่อริ้วรอยเกิดขึ้นจะปรากฏเป็นรอยลึกที่ชัดเจนมากกว่า เช่น บริเวณหน้าผาก โดยเฉพาะในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ความยืดหยุ่นและความกระชับของผิวผู้ชายมีอัตราลดลงอย่างรวดเร็วกว่าผู้หญิง เนื่องจาก ควันบุหรี่ การโกนหนวด หรือการออกไปเจอแสงแดดนาน ๆ
การดูแลผิวพรรณสำหรับผู้ชายที่ถูกวิธีมีดังนี้
1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถชำระล้างคราบความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้ด้วย
2. ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้าในระหว่างวัน
3. การโกนหนวดแต่ละครั้ง จะทำให้น้ำมันธรรมชาติที่เคลือบอยู่บนผิวบริเวณนั้นสูญเสียไป ผิวจึงแห้งและบอบบาง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์โกนหนวดที่อ่อนโยนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และใช้ครีมบำรุงหลังโกนหนวดทุกครั้ง เพื่อบรรเทาอาการระคายเคือง
4. ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเป็นประจำทุกวัน โดยเลือกสูตรที่ปราศจากน้ำมันเพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน และมีค่า SPF15 เป็นอย่างน้อย แต่ถ้าหากต้องโดนแดดเป็นเวลานาน หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 30 และเลือกใช้สูตรกันน้ำกันเหงื่อ นอกจากนั้นไม่ควรนำครีมกันแดดผิวกายมาทาหน้าเพราะส่วนผสมบางอย่างไม่เหมาะ กับผิวหน้า อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
5. เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว และเหมาะกับผู้ชายโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ของผู้หญิงเพราะจะทำให้ผิวมันมากขึ้น
การดูแลและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว มีดังนี้
ผิวธรรมดา
เป็น ผิวที่ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะไม่แห้งและไม่มันเกินไป สามารถล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างเดียวก็ได้ แต่ไม่ควรล้างบ่อยเกิน เพราะจะเป็นการทำลายน้ำมันธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงผิว ถ้าจะใช้ครีมบำรุงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา
ผิวมัน
สังเกต ได้จากรูขุมขนบนใบหน้าจะเห็นได้อย่างชัดเจน หลังล้างหน้าจะพบว่าผิวมีความมันเกิดขึ้นเร็วถึงแม้จะไม่ได้ทาผลิตภัณฑ์ใดๆ ทำให้มีโอกาสเป็นสิวได้ง่าย แต่ข้อดีคือผิวจะแข็งแรงกว่าผิวชนิดอื่น เพราะมีความหนาจึงไม่แพ้ง่าย การดูแลควรหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ช่วยลดความมัน ไม่ควรล้างหน้าเกินวันละ 2 ครั้ง และไม่ควรซับหรือเช็ดหน้าบ่อย เพระไม่ได้ทำให้หน้าหายมัน แต่อาจเป็นการกระตุ้นให้ขับน้ำมันออกมามากกว่าเดิม หรืออาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ควรเป็นสูตรที่ปราศจากน้ำมัน เช่น ครีมกันแดด หรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความมันน้อยเช่น โลชั่น หรือเจล ไม่ควรใช้ชนิดครีม นอกจากนี้ถ้าใช้ครีมกันแดดชนิดกันน้ำ ต้องล้างหน้าให้สะอาด ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะทำให้ผิวอุดตันและเป็นสิวได้ง่าย
ผิวแห้ง
เป็น ผิวที่ค่อนข้างบอบบางและเสียความชุ่มชื้นได้เร็ว ทำให้หน้าเกิดผิวลอกเป็นขุย เมื่อมีริ้วรอยก็จะเห็นได้ชัดกว่าผิวชนิดอื่น การดูแลจึงควรหลีกเลี่ยงการทำลายชั้นไขมันธรรมชาติที่เคลือบผิว เช่น ไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์มากนัก เพราะคนผิวแห้งจะแพ้ง่าย ไม่ควรสครับหน้าบ่อยๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนไม่ควรใช้โทนเนอร์เพราะอาจมีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ ซึ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น หลังจากการล้างหน้า เช็ดพอหมาดๆ แล้วต้องทาครีมในขณะที่ผิวยังชุ่มชื้นอยู่เพื่อช่วยกักเก็บน้ำในผิว มอยส์เจอไรเซอร์ที่เลือกใช้ควรใช้ชนิดที่มีน้ำมันผสมมากขึ้น เช่น ประเภทครีม นอกจากนี้แล้วควรดื่มน้ำมากๆ
ผิวผสม
ผิว ผสมเป็นผิวที่มีลักษณะมันบริเวณ T-Zone คือ บริเวณหน้าผากจมูก และคาง เนื่องจากมีต่อมไขมันมากในบริเวณนี้ ในขณะที่บริเวณแก้มจะมีความมันน้อยกว่า อาจเป็นผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อ ผิวส่วนครีมบำรุงหรือมอยส์เจอไรเซอร์นั้นอาจใช้ผลิตภัณฑ์แยก คือ บริเวณผิวแห้งอาจใช้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้นมากทาเฉพาะส่วน ส่วนบริเวณ T-Zone ก็ใช้ครีมที่มีเนื้อบางเบา เช่น โลชั่น หรือเจล