สวัสดีค่ะสาวๆ กลับมาเจอเอิงกับ How to แต่งหน้าที่คราวหน้าเอิงขอมาในลุคออกงานแบบแน่นๆ สไตล์เอิงเอย ที่มีสาวๆ หลายคนขอมาอย่างต่อเนื่อง งานนี้ขอจัดเต็มให้ชมกันแบบ step by step เอิงขอแชร์เทคนิคการแต่งหน้าเมื่อออกงานหรือเจอสื่อ ให้ได้ลุคที่ปังๆ แบบแพงๆ เน้นความติดทน และสดใหม่ของเมคอัพให้อยู่กับเราตั้งแต่เช้ายันเย็น โครงหน้าชัดเป๊ะ หันมุมไหนก็สวย ถ่ายรูปขึ้นกล้องกันแบบสุดๆ ฆ่าใครได้ฆ่าค่ะงานนี้ ลองอ่านฮาวทูนี้และทำตามไปทีละขั้นตอน รับรองว่าสวยเป๊ะแน่นอนค่ะ!
ก่อนอื่นขอขอบคุณแบรนด์ ILLAMASQUAที่ให้โอกาสเอิงได้ครีเอทลุคปังๆนี้ แถมมาสนับสนุนความติดแน่นทนนานของ Make up ลุคนี้ของเอิงให้สดใหม่อยู่เสมอด้วยค่ะ
รีวิวไพรเมอร์ illamasgua
เทคนิคสำคัญที่จะทำให้เมคอัพลุคปังๆ ของสาวๆติดแน่นทนนานไปตลอดทั้งวัน นั้นคือการลง Primer ลงบนผิวหน้าเพื่อเตรียมพื้นผิวให้พร้อมสำหรับการลง Make up ลุคแน่นๆ และเป็นตัวยึดเกาะเครื่องสำอางให้ติดอยู่บนผิวหน้าได้ตั้งต้นยันจบงานนั่นเอง แต่ก็ต้องอย่าลืมเลือกใช้ไพรเมอร์สูตรที่เหมาะกับผิวหน้าด้วยนะคะ
เอิงขอแนะนำ Primer ในตำนานตัวดังจาก illamasqua ทางแบรนด์ส่งมาให้เอิงลองใช้สองสูตร คือ Matta Veil และ Hydra Veil ไพรเมอร์สองสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน ยังมีสาวๆคนไหนงงอยู่บ้างไหมคะว่าสองตัวนี้ต่างกันยังไง? และสูตรไหนที่เหมาะกับตัวเอง เอิงจะเล่าให้ฟังอย่าละเอียดนะคะ 🙂
จำแบบง่ายๆ เลย คือตัวกระปุกของ primer สองตัวนี้จะต่างกัน กระปุกเนื้อด้านคือ Matte Veil เป็นสูตรสำหรับสาวผิวมัน และ กระปุกเนื้อเงาวาว คือ Hydra Veil เป็นสูตรที่สำหรับสาวที่มีผิวแห้ง หรือขาดน้ำ
ทุกกระปุกจะมีช้อนพลาสติกคันเล็ก ที่มีช่องเสียบเก็บอย่างดีมาให้ใช้ตักเนื้อไพรเมอร์ออกจากกระปุก เพื่อรักษาความสะอาดมาให้ด้วยทุกกระปุก เก็บง่าย ใช้ง่าย ไม่หายแน่นอน
มาดูเนื้อไพรเมอร์ทั้งสองตัวนี้ และความแตกต่างกันชัดๆ ขอเริ่มด้วย Matte Veil ไพรเมอร์เนื้อครีมบางเบา กลิ่นหอมวานิลลาเหมือนขนม ช่วยลดความมันบนผิวหน้า เวลาใช้อารมณ์เหมือนทาครีมบำรุงสูตร oil free เนื้อบางเบามากกว่า รู้สึกถึงความชุ่มชื่นแบบไม่มัน ไพรเมอร์ทำหน้าที่เหมือนฟิล์มเคลือบผิวหน้าไว้แต่ไม่เหมือนซิลิโคนที่จะรู้สึกลื่นๆ บนผิว และมีโอกาสอุดตันมากกว่า
เนื้อไพรเมอร์จะค่อยๆ เซ็ตตัวและรู้สึกได้ถึง finishing แบบ Matte แต่ไม่แห้งตึง ทำหน้าที่เหมือนเป็นฟิล์มเคลือบผิวให้เรียบเนียน ทำให้แต่งหน้าต่อได้ง่ายสุดๆ ช่วยให้รองพื้นยึดเกาะผิวหน้าได้ดี ไพรเมอร์เนื้อกึ่งครีมกึ่งเจลที่มีส่วนผสมของน้ำที่ช่วยให้ผิวยังคงความชุ่มชื้นถึงแม้จะได้ผิวแมทก็ตาม ช่วยให้ make up ติดทนทั้งแต่เช้ายันเย็นแป้งติดหน้าดีขึ้น ลดความมันบนผิวได้ดีแบบไม่อุดตันแบบซิลิโคน ปรับสภาพผิวให้อยู่ในสมดุลที่ดีทำให้เราไม่ต้องเติมแป้งหรือคอยซับหน้าบ่อยๆ ช่างแต่งหน้าใช้กันเยอะมาก!
Hydra Veil ไพรเมอร์เนื้อเจลลี่สูตรสำหรับคนผิวแห้ง หรือ ผิวขาดน้ำ ลักษณะของเนื้อไพรเมอร์จะเหมือนเจลาติน ที่พอทาลงบนผิวแล้วจะแตกตัวละลายเป็นน้ำ ให้ความรู้สึกเย็นๆ บนผิว เหมือนทาเจลบำรุงผิวหน้าเลย ช่วยล็อคความชุ่มชื่นให้อยู่บนผิวได้ยาวนาน แตกต่างจากไพรเมอร์ที่เคยลองมาอย่างรู้สึกได้
ไพรเมอร์จะทำหน้าที่เหมือน Wrap ห่อผิวไว้ให้ดูเต่งตึง ฉ่ำ และอิ่มน้ำ ช่วยฟรีซเครื่องสำอางให้ติดทน สวยฉ่ำ และสดใหม่เหมือนเพิ่งแต่งหน้าเสร็จใหม่ๆ ได้ตลอดทั้งวัน รู้สึกเย็นทันที่ที่ทาลงบนผิว ใครชอบอารณ์ผิวฉ่ำๆ เด้งๆ แต่ไม่มันต้องไปลองตัวนี้แบบด่วนๆ ค่ะ เนื้อไพรเมอร์เป็นเจลใสบางเบา พอลงบนผิวแล้วจะแตกตัวกลายเป็นน้ำละลายเข้าสู่ผิว มีส่วนผสมของน้ำเป็นหลักและเนื้อเจลแบบเจลาติน จึงให้ความชุ่มชื่นและเก็บความฉ่ำให้ผิวได้ดี เอิงแนะนำให้ตักไพรเมอร์ขึ้นมาแค่วอร์มที่ฝ่ามือก่อนเล็กน้อยค่อยลงที่ผิวหน้า จะทำให้เนื้อไพรเมอร์เซ็ตตัวได้ดีกมากกว่าค่ะ
ลองทาบนผิวเทียบให้ดูทั้งสองสูตร จะเห็นว่า Hydra Veil ให้ความฉ่ำบนผิวได้ดีกว่า Matte Veil แต่ไม่มีความมันเงาบนผิวทั้วสองสูตร เบาผิวทั้งคู่ และให้ผลลัพท์ในเรื่องการ Make up ที่ดีเยี่ยมทั้งคู่ ใครที่บ่นว่าแป้งไม่ติดหน้า หน้าหมอง ไหลเยิ้มระหว่างวัน มาลองตัวนี้ค่ะแล้วจะติดใจบอกเลย!
How to Make up ออกงานแบบแน่นๆ
มาเริ่มแต่งหน้ากันเลย! ค่อยๆ อ่านแล้วทำตามไปทีละขั้นตอนนะคะ หลังจากลงสกินแคร์ที่มีเนื้อบางเบาแล้ว เอิงลงไพรเมอร์ของ illamasqua สภาพผิวหน้าของเอิงเป็นผิวผสม และขาดน้ำ เพราะฉะนั้นเอิงจะขอลงไพรเมอร์ทั้งสองสูตร โดยลง Matte veil ที่บริเวณ T Zone และลง Hydra veil ที่บริเวณแก้มและรอบๆ กรอบหน้า เพื่อพรางรอยลอกแห้งเนื่องจากช่วงนี้เอิงมีสิวขึ้นแถวๆ กรอบหน้า และมีการใช้ยาฆ่าเชื้อสิวทำให้ผิวแห้งลอกเป็นบางจุด
แต่สาวๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งสองตัวแบบเอิงนะคะ เลือกตัวใดตัวหนึ่งตามสภาพผิวหน้าโดยรวมก็พอค่ะ ถ้าให้เอิงเลือกตัวใดตัวหนึ่งเอิงจะขอเลือกใช้ Hydra veil ลงทั่วทั้งหน้าเพราะว่าผิวเอิงมีปัญหาขาดน้ำค่ะ ไพรเมอร์จะช่วยปรับสภาพผิวให้อยู่ในจุดที่สมดุล ทำให้ผิวเข้าใจว่ามีความชุ่มชื่นอยู่ในผิวมากพอแล้วและไม่ผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาเพิ่ม ทำห้ผิวหน้าไม่มันมากขึ้นค่ะ อยากให้ไปลองใช้ไพรเมอร์กันดู แล้วจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนค่ะว่าไพรเมอร์ทำให้ make up ติดทนนานและสดใหม่มากกว่าเดิมแน่นอน!
- ลงรองพื้นด้วยรองพื้นที่ให้การปกปิดแบบ full coverage กับแปรงหัวตัดเพื่อการปกปิดบบสูงสุด โดยค่อยๆ วนแปรงเพื่อนวดรองพื้นให้ทั่วใบหน้า และกดย้ำในจุดที่ต้องการปกปิดเป็นพิเศษ
- ลงไฮไลท์ และ คอนทัวร์ แล้วใช้ฟองน้ำค่อยๆ เบลนด์เพื่อเก็บกรอบหน้าให้ได้โครงหน้าชัดเจน เอาไว้เป็นแนวก่อนลงแบบฝุ่นอีกครั้ง สำรับใครที่ยังไม่แน่ใจรูปหน้าตัวเอง สามารถลงตามภาพที่เอิงทำให้ดูเป็นตัวอย่างเลยก็ได้ค่ะ แนวกรอบหน้าที่เอิงทำให้ดูเป็นรูปแบบเบสิค สามารถทำได้ทุกรูปหน้าค่ะ
- เอิงเลือกใช้ครีมบลัชเพื่อความติดแน่นทนนาน โดยใช้สีชมพูอ่อนแค่พอให้แก้มมีสีดูสุขภาพดี
- ลงตามแนวแก้มตามภาพ หรือจะใครกะไม่ถูกก็ให้ยิ้มแล้วลงสีบริเวณที่นู้นออกมาบนแก้ม
- ลงแป้งฝุ่นด้วยพัฟ เพื่อเซ็ตผิวที่เราลงไว้ให้ติดทนนานค่ะ สำหรับใครที่ผิวมันมากๆก็สามารถใช้แป้งผสมรองพื้นในการเซ็ตเพื่อเพิ่มการควบคุมความมันขึ้นไปอีกก็ได้นะคะ แต่ขอให้เบามือหน่อยไม่งั้นจะหนาเกินไปค่ะ
เขียนคิ้วให้ได้รูปกันสักหน่อย ก่อนเขียนอย่าลืมกันคิ้วให้ได้รูป และเบามือตอนลงสี และเลือกสีให้ดีดีนะคะ ระวังอย่าให้แข็งทื่อเป็นปลิงนะจ๊ะ แล้วสำหรับใครที่ย้อมสีผมก็อย่าใช้มาสราค่าเซ็ตขนคิ้วให้เป็นระเบียบและได้สีที่เข้ากับสีผมด้วยนะคะ
แค่เตรียมพื้นผิวและเขียนคิ้วหน่อยแค่นี้ก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาแล้วเน๊อะ เอาหละ! มาลงรายละเอียดเพิ่มความปังกันต่อเลย
มาแต่งตากันค่ะ ตามไสตล์ของเอิงคือเอิงจะชอบเน้นจุดเด่นที่สีของ lipstick
เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้แย่งความสนใจกัน เพราะฉะนั้นในส่วนของตาเนี่ย แค่เบาๆ ก็พอค่ะ
- เตรียมผิวเปลือกตาด้วยการลงอายไพรเมอร์ที่เปลือกตาเล็กน้อยแล้วเกลี่ยให้ทั่ว
- ลงอายแชโดว์สีเบส แบบที่มีชิมเมอร์เล็กน้อย อาจเลือกใช้อายแชโดว์แบบครีมเพื่อความติดทนก็ได้ค่ะ
- ลงสีอาแชโดว์เนื้อชิมเมอร์เหลือบทองแดงให้ทั่วเปลือกตา
- ลงสีอายแชโดว์สีน้ำตามเข้มเนื้อ matte ที่บริเวณหางตาให้ชิดกับขอบตามากที่สุด
- ลงสีเดิมที่ขอบตาล่าง โดยวาดเลยออกไปเล็กน้อยให้เชื่อมกับขอบตาบนด้วยทำให้รูปตาดูยาวขึ้น
- ใช้นิ้วแตะอายแชโดว์ชิมเมอร์เหลือบทอง ที่มีเนื้อชิมเมอร์ชัดกว่าสีเดิม แตะที่กึ่งกลางเปลือกตาอีกครั้ง
- ใช้ไฮไลท์สีเดียวกับที่จะใช้ไฮไลท์ผิวหน้า แตะที่หัวตาเพิ่มความโดดเด่นให้ดวงตา
- สุดท้ายใช้บรอนเซอร์เบลนที่สีกระบอกตาเบาๆ เพื่อเพิ่มความมีมิติให้ดวงตา
- ติดขนตาเพิ่มอีกสักหน่อย เป็นอันเสร็จค่ะ 🙂
เพิ่มความแน่นให้ make up ลุคนี้ โดยการลงบรอนเซอร์และไฮไลท์แบบฝุ่น
ลงย้ำอีกครั้งตามแนวที่เอิงวาดไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างได้เลยค่ะ เพื่อเพิ่มความมีมิติให้ใบหน้า ถ่ายรูปมุมไหนก็ปังแน่นอนค่ะ
เอิงขอเลือกลิปสติกเนื้อ matte สีปังๆ วาดรูปปากให้ชัดลงเป็นขั้นตอนสุดท้ายค่ะ
สาวๆ สามารถเลือกสีที่ชอบ สีที่โดนกันได้เลยนะคะ เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
ลองทำตามกับดูแบบ step by step นะคะ หวังว่าจะนำไปปรับใช้กันได้ และเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ 🙂