สำหรับสาวๆ ที่รักการแต่งหน้า ยิ่งต้องแต่งหน้าทุกวันด้วยแล้ว สิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้คือเรื่องของการทำความสะอาดผิวหน้า เพราะถ้าเลือกผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางผิดแล้วละก็อาจเป็นการทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดปัญหาผิวในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการระคายเคืองเป็นผื่นแดง ความแห้งกร้าน เป็นขุย หน้าเหี่ยวก่อนเวลาอันควร และอีกสารพัดปัญหาที่ตามมา
ความเชื่อที่ผิด
- แต่งหน้าแล้วล้างหน้าด้วยอะไรก็ได้ หยุดความคิดนี้เลย เพราะในแต่ละขั้นตอนแต่งหน้าของเรา ไม่ว่าจะเป็นรองพื้น , คอนซีลเลอร์ , แป้งผสมรองพื้นหรือว่ากันแดด ล้วนมีสารที่ทำให้ติดทนกับผิวแทบทั้งสิ้น การล้างหน้าด้วยโฟมอย่างเดียวจึงไม่พอที่จะทำให้ใบหน้าเราสะอาดหมดจดได้ จำไว้ว่า ถ้าแต่งหน้าเมื่อไร เราควรเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับเช็ดเครื่องสำอางโดยเฉพาะเท่านั้น แม้วันนั้นจะทาแค่เพียงกันแดดก็ตาม ไม่ให้มีสิ่งตกค้างในผิว และเป็นปัญหากับเราได้ในอนาคต
- ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าหลายๆ ครั้ง เดี๋ยวก็สะอาด สาวๆ คะ รู้มั้ยว่าการทำแบบนี้เป็นการรบกวนผิวหน้า และทำให้เกิดการระคายเคือง เพราะเป็นการล้างความชุ่มชื้นออกจากผิวมากเกินไป นำมาซึ่งปัญหาผิวแห้ง และหน้าเหี่ยวในอนาคต แถมยังไม่สะอาดอีกด้วยค่ะ ใครทำอยู่ เลิกเสียก่อนที่ผิวจะแย่ไปมากกว่านี้นะคะ
เลือกคลีนเซอร์อย่างไรให้ผิวหน้าเริ่ด
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ทำความสะอาดได้หมดจด เดี๋ยวนี้มีนวัตกรรมในการจัดการกับเครื่องสำอางบนผิวหน้าอย่างมือโปรอย่างเทคโนโลยี “ไมเซล่า ออกซิเจน บูสท์” ที่ทำงานเหมือนแม่เหล็กที่จะดึงน้ำมันและเครื่องสำอางล็อกไว้ภายใน
- ต้องอ่อนโยนกับผิว ข้อนี้สำคัญมาก เพราะเราแต่งหน้าทุกวัน สิ่งนี้จึงเป็นอะไรที่เราต้องใช้กันทุกวัน เราควรต้องใส่ใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิว จะเริ่ดมากถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสูตรน้ำที่ไม่มีสารที่ก่อนให้เกิดการระคายเคืองอย่างแอลล์กอฮอล์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ดึงน้ำมันและความชุ่มชื่นออกจากผิว เวลาเช็ดแล้วอาจจะรู้สึกผิวหน้าสะอาดดี แต่หลังความนั้นอาจทำให้ผิวแห้ง และสร้างความระคายเคืองให้กับผิวตามมา
- บำรุงไปด้วยในตัว ก็อย่างที่ว่ามาว่าเราต้องเช็ดเครื่องสำอางกันทุกวัน ถ้าได้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางส่วนประกอบของสารบำรุงผิว หรือสารแอนตี้ออกซิแดนท์อย่างเช่น สารสกัดจากเมล็ดองุ่น วิตามินอี และถ้ายิ่งช่วยเติมออกซิเจนให้ผิวด้วยแล้วละก็ชนะเลิศ เพราะจะทำให้นุ่มชุ่มชื่นขึ้น เรียกว่ายิ่งเช็ดหน้ายิ่งใสกันเลยทีเดียว
ขึ้นชื่อว่าแต่งหน้า จะแต่งมากแต่งน้อย สีอ่อน หรือทาแค่กันแดด ก็ถือว่าเป็นการแต่งหน้าอยู่ดี ทางที่ดีถ้าอยากมีผิวสวยอยู่คู่กับเราไปอีกนานๆ ต้องใส่ใจเลือกผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางกันให้มากหน่อย นีเวีย เฟซแคร์ แนะนำ คลีนซิ่ง สูตรน้ำ ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่าง นีเวีย เมคอัพ เคลียร์ คลีนซิ่ง วอเตอร์ (NIVEA Make Up Clear Cleansing Water) ซึ่งครบถ้วนด้วย
- นวัตกรรมไมเซล่า ที่สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ดี แต่อ่อนโยนเพราะใสบริสุทธิ์เหมือนน้ำเปล่า ทำให้ให้ไม่เป็นคราบมัน แต่ทิ้งเพียงความชุ่มชื้นไว้บนผิว ไม่ทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ เป็นเหมือนการปรับสภาพผิวให้สมดุลจึงไม่จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์หรือล้างน้ำเปล่าหลังการใช้
- เป็นสูตรออกซิเจน บูสท์ ที่ช่วยเติมออกซิเจนให้กับผิวหน้า ยิ่งเช็ดหน้ายิ่งใส
- มีเทคโนโลยี Hydra IQ ในการกระตุ้นการทำงานของ Aquaporin ซึ่งได้รับรางวัลโนเบล ในปี 2003
ด้วยส่วนผสมของสาร Glyceryl Glucoside ในผลิตภัณฑ์นีเวีย เมคอัพ เคลียร์ คลีนซิ่ง วอเตอร์ สารลิขสิทธิ์เฉพาะของนีเวีย ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของ Aquaporin หรือช่องทางการลำเลียงน้ำระหว่างเซลล์ให้มีมากขึ้น จึงทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนน้ำและออกซิเจนได้มากขึ้น เพิ่มการส่งผ่านออกซิเจนระหว่างผิว เหมือนเติมออกซิเจนทุกครั้งที่ใช้ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น นุ่มนวล เรียบเนียน กระจ่างใส ไม่แห้งกร้าน
ภาพจำลองแสดงประสิทธิภาพของการเพิ่มช่องทางการลำเลียงน้ำ (สารอาหาร)
- 0% แอลกอฮอล์ ตัวการสำคัญที่ดึงน้ำมันและความชุ่มชื่นออกจากผิว ทำให้รู้สึกดีในระยะแรกๆ แต่พอใช้ไปนานๆ หน้ายิ่งกร้านเสีย เดี๋ยวเพื่อจะทักว่าหน้าแก่ก่อนวัยได้นะจ๊ะ
- บำรุงเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้น 10 ชนิด และสารแอนตี้ออกซิแดนท์ อย่างสารสกัดเมล็ดองุ่น
4.1 น้ำมันเมล็ดองุ่น: น้ำมันอันล้ำค่าที่ช่วยลดความแห้งตึงและหยาบกร้านของผิว
น้ำมันเมล็ดองุ่น (Vitis vinifera seed oil) สกัดจากเมล็ดองุ่น โดยชนิดที่ใช้ใน นีเวีย คลีนซิ่ง วอเตอร์ สูตรใหม่นี้สกัดจากองุ่นพันธุ์ Vitis vinifera ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นองุ่นที่ใช้ทำไวน์ พบทั่วไปในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ยุโรปกลาง และเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ นับจากโมร็อกโกและตอนเหนือของโปรตุเกสไปจนถึงทางใต้ของเยอรมนีและตะวันออกถึงภาคเหนือของอิหร่าน ปัจจุบันสามารถพบได้ทั่วโลก ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา เป็นไม้เลื้อยที่อาจมีความสูงได้ถึง 32 เมตร สามารถรับประทานผลสด นำไปบ่มทำไวน์ หรืออบแห้งเป็นลูกเกด มีหลักฐานว่ามนุษย์รู้จักใช้ประโยชน์จากองุ่นพันธุ์ Vitis vinifera มาตั้งแต่ช่วงต้นของยุคหินใหม่ (Neolithic Age) ซึ่งเริ่มต้นราว 10,200 ปีก่อนคริสตกาล
ในการสกัดน้ำมันเมล็ดองุ่น เมล็ดองุ่นจะถูกบีบเพื่อสกัด จนได้น้ำมันบริสุทธิ์สีเหลืองทอง 15 เปอร์เซ็นต์ น้ำมันเมล็ดองุ่นส่วนใหญ่จะถูกนำไปในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางหรือการปรุงอาหาร เพราะมีความใสสะอาด รสชาติอ่อนละมุน จึงเหมาะสำหรับใช้ทำน้ำสลัดและซอส รวมทั้งอาหารอบ แพนเค้ก และวาฟเฟิล นอกจากนี้ยังใช้ฉีดพ่นบนลูกเกดเพื่อช่วยรักษารสชาติขององุ่นตามธรรมชาติ
น้ำมันรสชาติหวานออกขมชนิดนี้อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น (โดยเฉพาะกรด ไลโนเลอิก) เลซิติน (lecithin) และสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติอย่าง โพรไซยาไนดิน (procyanidin) และวิตามินอี ในเครื่องสำอาง สารต้านอนุมูลอิสระดังกล่าวช่วยในการปกป้องผิวจากความเครียดที่เรียกว่า oxidative stress ซึ่งเป็นอันตรายต่อเซลล์ผิวในหลายๆ ด้าน นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้กันว่ากรดไลโนเลอิกช่วยในการปรับสมดุลของเซลล์ (homeostasis) และการทำงานของเกราะป้องกันผิว ไม่เพียงเท่านั้น น้ำมันเมล็ดองุ่นยังไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และไม่มีกลิ่นโดยธรรมชาติอีกด้วย ทำให้นีเวีย คลีนซิ่ง วอเตอร์ สูตรใหม่ ที่มีส่วนผสมของน้ำมันเมล็ดองุ่นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเกราะป้องกันผิว จึงช่วยลด 3 สัญญาณของผิวระคายเคือง ได้แก่ ผื่นแดง แห้งตึง และหยาบกร้าน ได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
เพราะการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นเรื่องสำคัญ ผิวของคุณจะดีในระยะยาวหรือไม่อยู่ที่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้วนๆ ดังนั้นคงต้องพิถีพิถันและใส่ใจกันให้มากหน่อยนะคะสาวๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก NIVEA