ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คงมีหลายคนได้ยินคำว่า Clean Beauty (คลีน บิวตี้) กันบ้าง คำคำนี้หมายถึงผลิตภัณฑ์ความงามทุกชิ้นที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติล้วน ๆ ไร้สารเคมีปรุงแต่ง เรียกว่าใช้สารสกัดที่จำเป็นกับธรรมชาติเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือผิวกาย ซึ่งวันนี้เราจะขอมาแนะนำแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามที่เป็น Clean Beauty กันค่ะ อย่ารอช้า ไปดูกันเลยค่ะว่ามีแบรนด์ไหนบ้าง!
1. BIOLOGIQUE RECHERCHE
แบรนด์แรกที่เราอยากนำเสนอเป็นของประเทศฝรั่งเศส มีชื่อว่า BIOLOGIQUE RECHERCHE ค่ะ มีผลิตภัณฑ์มากมายหลายตัว ซึ่งเน้นดูแล บำรุง และซ่อมทุกสภาพผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผมอย่างตรงจุด มีสินค้าที่จัดว่าขึ้นหิ้งและเป็นตำนานมากมาย ซึ่งทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ใช้สารสกัดที่มาจากธรรมชาติล้วน ๆ เป็นมิตรต่อตัวเราและสิ่งแวดล้อม ตามหลักของความเป็น Clean Beauty ด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าผิวของคุณจะไม่เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองแต่อย่างใด
จริง ๆ แล้ว BR นำเข้าไทยมาแล้วกว่า 25 ปี หลายคนคงคิดว่าหาซื้อยาก แต่เปล่าเลยค่ะ ถ้าใครอยากได้จะซื้อสินค้าของ BR มาลอง สามารถหาซื้อได้ Lily Rose Skin Atelier ซึ่งเราจะแปะช่องทางการซื้อเอาไว้ทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์ สำหรับใครอยากไปทดลองผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองค่ะ
Website : www.lilyroseskinatelier.com
Facebook : Lily Rose Skin Atelier
Instagram : lilyroseskinatelier
พิกัด : 37 ซอยนาคนิวาส 6 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
2. LA FERVANCE
ยังคงเป็นแบรนด์สกินแคร์จากฝรั่งเศสที่มีความเป็น Clean Beauty ขั้นสุด ปลอดภัยสูงแม้ผิวบอบบางระคายเคืองแพ้ง่ายที่สุดสำหรับ LA FERVANCE ซึ่งเน้นความงามบริสุทธิ์ที่แท้จริง ใช้ส่วนผสมที่มาจากแหล่งต้นกำเนิดที่ดีที่สุด ถือเป็นแบรนด์ที่เน้นความรับผิดชอบต่อสังคม จริยธรรมสูง เป็นมิตรกับต่อสิ่งแวดล้อม มีสูตรผสมในผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมี โปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ ผ่านนวัตกรรมที่ล้ำสมัยจนได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้ว ซึ่งหากใครสนใจผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ คุณสามารถตามหาได้ที่ Lily Rose Skin Atelier อีกเช่นกันค่ะ ไปสัมผัสความบริสุทธิ์ที่ว่ากันได้แล้วตามช่องทางออนไลน์ด้านล่างนี้ค่ะ
Website : www.lilyroseskinatelier.com
Facebook : Lily Rose Skin Atelier
Instagram : lilyroseskinatelier
เจ้าตัวนี้คือ ECLAT EXTRAORDINAIRE เป็นมาส์กหน้าที่จะช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้น ยกกระชับ เรียบเนียน เปล่งปลั่ง แลดูโกลว์เป็นประกายสีทองตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ แถมยังมีกลิ่นที่ช่วยทำให้รู้สึกสบายและมีความสุข ถือเป็น Hero Product ของ LA FERVANCE เลยค่ะ
3. Future Cosmetics
แบรนด์ที่ 3 มีชื่อว่า FUTURE Cosmetics ซึ่งเหมือนจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการมีผิวสุขภาพดีในอนาคต เพราะแบรนด์นี้มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ได้รับการพัฒนาอย่างพิถีพิถัน ด้วยการคัดสรรส่วนผสมจากธรรมชาติที่ดีที่สุดทั่วโลก ไม่มีสารเคมีที่ทำให้ผิวเสีย ทำให้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มีความอ่อนโยน ช่วยปลอบประโลมผิว และฟื้นบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ทำให้ผิวมีความอ่อนเยาว์แลดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ และหากใครอยากซื้อผลิตภัณฑ์ดี ๆ จากแบรนด์นี้มาลองใช้ FUTURE Cosmetics ก็มีขายที่ Lily Rose Skin Atelier อีกเช่นกัน หรือเข้าไปติดตามกันได้ตามช่องทางเหล่านี้เลยค่ะ
Website : www.lilyroseskinatelier.com
Facebook : Lily Rose Skin Atelier
Instagram : lilyroseskinatelier
นี่คือผลิตภัณฑ์ของ FUTURE Cosmetics ที่เราอยากแนะนำ มีชื่อว่า BEAUTY DROPS NO.1 ค่ะ เจ้าตัวนี้เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% ได้แก่ Horse Chestnut Seed หรือเกาลัดม้า ซึ่งช่วยลดการอักเสบ ระคายเคืองผิว, องุ่น และใบบัวบก ช่วยปลอบประโลมผิวแพ้ง่ายให้กลับมาแข็งแรง สดใส แลดูชุ่มชื้น เรียบเนียน และสารสกัดจากดอกไม้สีเหลืองที่มีชื่อว่า Arnica Montana Flower Hypericum Perforatum Flower ซึ่งมีสรรพคุณช่วยปลอบประโลมผิวจากความร้อน แสงแดด และหลังจากทำเลเซอร์ค่ะ ใช้เจ้าตัวนี้เป็นประจำทุกวัน ผิวของคุณจะเปล่งประกายแข็งแรงอย่างแน่นอนค่ะ
4. Kosas
มาที่แบรนด์เมคอัพจากรัฐแอล.เอ. สหรัฐอเมริกากันบ้าง กับ Kosas ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2015 และได้รับความนิยมเรื่อยมา ภายใต้แนวคิดที่เน้นความงามที่เป็นอิสระ ท้าทาย เน้นความสนุนสนาน และสีสันสดใส มีความแปลกตาน่าใช้ ทำให้รู้สึกสนุกกับการแต่งหน้าได้ในทุก ๆ วัน แต่ยังเน้นความเป็น Clean Beauty อยู่ภายใน
5. CAUDALIE
เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่หลายคนคงคุ้นตา สำหรับ CAUDALIE ซึ่งเป็นแบรนด์ที่อยู่ตามร้านเครื่องสำอาง แบรนด์นี้เน้นการผลิตสกินแคร์สายคลีนเป็นหลัก เน้นการดูแลและแก้ปัญหาสภาพผิวที่มีความแตกต่างกันออกไป ด้วยส่วนผสมภายในที่จำเป็นเท่านั้น โดยไม่ส่งผลข้างเคียงต่อผิวแต่อย่างใด
6. RMS Cosmetics
เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คนชอบแต่งหน้าต้องเลิฟ RMS Cosmetics มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เน้นสีสันมากมาย โดยที่ส่วนผสมล้วนแล้วแต่มาจากธรรมชาติล้วน ๆ ด้วยความใส่ใจในทุกกระบวนการผลิต ไม่ทดลองกับสัตว์ มั่นใจได้เลยว่าไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวของคุณอย่างแน่นอน
7. TATA HAPPER
เป็นแบรนด์ที่หน้าตาผลิตภัณฑ์มีความเป็นเอกลักษณ์มาก TATA HAPPER เน้นการทำบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากแก้วสีเขียว พร้อมฝาสีทองที่ทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์มีความหรูหรามากขึ้นไปอีก ที่จุดสำคัญกว่านั้นก็คือเนื้อผลิตภัณฑ์ข้างในที่เน้นการผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติ ทั้งสารสกัดจากผลไม้ และผลผลิตจากพฤกษศาสตร์ กว่า 300 ชนิดนำมาผสมกัน โดยปราศจากสารเคมีหรือสารเทียมใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว
8. Panpuri
มาถึงแบรนด์สุดท้ายกันแล้ว ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จัก Panpuri (ปัญญ์ปุริ) แบรนด์ไทยแบรนด์แรกเน้นการทำผลิตภัณฑ์ในเชิงออร์แกนิค และยังเป็นแบรนด์แรกในเอเชียในการทำผลิตภัณฑ์ Clean Beauty ออกมาเช่นกัน ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เน้นส่วนผสมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้ประสิทธิภาพที่ดีต่อผิว ทำคัญคือทุกส่วนผสมต้องมีความสะอาดเป็นสำคัญ
สรุปง่าย ๆ เลยค่ะว่า Clean Beauty นั้น มีความพิถีพิถันกว่าสิ่งที่เป็น Organic ซึ่งอาจมีสารเคมีที่ส่งผลข้างเคียงต่อผิวอยู่ด้วย ใครที่อยากลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติล้วน ๆ ไร้สารเคมีใด ๆ ลองดูแบรนด์ต่าง ๆ ที่เรานำมาฝากกันไว้นะคะ รับรองว่าดีต่อสภาพผิวของทุกคนอย่างแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lily Rose Skin Atelier, thestandard.co, Biologique Recherche, TATA HAPPER, Panpuri, RMS Cosmetics, Sephora
32 Comments
I conceive you have observed some very interesting points, thanks for the post.
I got what you mean , regards for posting.Woh I am lucky to find this website through google. “Success is dependent on effort.” by Sophocles.
Great write-up, I am normal visitor of one’s site, maintain up the nice operate, and It is going to be a regular visitor for a long time.
Thank you for another informative web site. The place else could I get that kind of information written in such an ideal approach? I have a mission that I am just now working on, and I’ve been on the look out for such info.
I got what you intend, thanks for posting.Woh I am lucky to find this website through google. “Wisdom doesn’t necessarily come with age. Sometimes age just shows up by itself.” by Woodrow Wilson.