ครีมกันแดดเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่สำคัญกับทุกคนมากนะคะ โดยเฉพาะกับประเทศแดดแรงๆ อย่างไทยแลนด์บ้านเรา ที่แค่นั่งอยู่ในที่ร่มก็ยังสัมผัสได้ถึงไอแดดร้อนๆ แน่นอนว่าเราทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ แต่วิธีใช้ครีมกันแดดนี่แหละที่เป็นปัญหา เพราะไม่แน่ใจว่าตกลงเราทาครีมกันแดดแบบผิดๆ มาตลอดหรือเปล่า?! อะงง…ไปดูคำตอบกันค่ะ
รู้จักค่า SPF
บนครีมกันแดดทุกยี่ห้อ จะต้องมีค่า SPF แจ้งเอาไว้ตัวใหญ่ๆ เด่นๆ เป็นจุดขายเลยค่ะซิส ถามว่าค่า SPF คืออะไร ตอบให้เข้าใจง่ายก็คือ Sun Protection Factor หรือคุณสมบัติในการป้องกันรังสียูวีนั่นเอง โดย SPF 15 จะป้องกันรังสี UVB ได้ 93% SPF 50 ป้องกันได้ 97% และ SPF 50 ป้องกันได้ 98% ส่วนบางยี่ห้อที่เขียนไว้ว่ามี SPF50+ หมายถึงป้องกันได้อย่างน้อย 98% ขึ้นไปนั่นเองค่ะ (แต่ตามกฎในไทยและอาเซียน จะห้ามใส่ตัวเลข SPF ที่มากกว่า 50 ดังนั้นจึงต้องใส่เครื่องหมาย + เข้าไปด้านหลังแทน และต้องยื่นผลทดสอบด้วยนะ)
ทำความเข้าใจกับ UVA / UVB
พูดถึงรังสียูวี หลายคนก็แอบงงว่าตกลงเจ้ารังสี UVA กับ UVB มันคืออะไรกันแน่ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นรังสีที่มาจากดวงอาทิตย์โดยตรงแบบทะลุชั้นบรรยากาศมาเลยค่ะ โดยรังสี UVA ในแสงแดดจะมีมากถึง 95% เลย ส่วนวันที่แดดร่มก็ยังมีอยู่ประมาณ 80% นะคะซิส ไม่ได้หายไปไหน! พลังทำลายล้างรุนแรงมากค่ะ เพราะรังสีนี้สามารถทะลุกระจกเข้ามาได้ แถมยังมีแฝงตัวอยู่กับคอมพิวเตอร์ด้วย หนุ่มสาวออฟฟิศก็เลยมักจะหน้าหมองกันเป็นแถว ทั้งที่ไม่ได้ไปโดนแดดเลยนั่นเอง สรุปว่ารังสี UVA ทำให้หน้าแก่ เหี่ยวย่น มีจุดด่างดำ
เวลาไปเลือกครีมกันแดด เรามักจะเห็นค่า PA ระบุอยู่ โดยอัตราการป้องกันจะอยู่ที่บวกเยอะที่สุดค่ะ PA+ ป้องกัน UVA ได้, PA++ ป้องกันได้สูง, PA +++ ป้องกันได้สูงที่สุด
ส่วนรังสี UVB ก็คือ แสงแดดแรงๆ ที่ทำให้ผิวของเราไหม้จนแสบนั่นแหละค่ะ มีอยู่ประมาณ 5% ในแสงอาทิตย์ และดีหน่อยตรงที่ไม่สามารถทะลุกระจกเข้ามาได้ แต่ถ้าโดนรังสียูวีบีนานๆ ก็จะทำให้ผิวแสบ แดง และมีโอกาสเป็นฝ้า กระ หรือมะเร็งผิวหนังได้ สรุปคือรังสี UVB ทำให้ผิวไหม้ เบิร์น แสบ และดำคล้ำลงนั่นเอง เวลาเลือกครีมกันแดด ก็ต้องเลือกที่ป้องกันรังสียูวีบีได้ด้วยนะ
เลือกให้เหมาะกับผิว
หลายคนอาจจะสงสัยว่าอ้าวแล้วถ้า SPF สูงๆ ป้องกันแดดได้เยอะ จะซื้อ SPF น้อยๆ มาทำไม นี่คือคำตอบค่ะซิส เมื่อสีผิวของแต่ละคนไม่เท่ากัน อัตราการไวต่อแสงก็เลยไม่เท่ากันไปด้วย ดังนั้นจึงต้องมีค่า SPF ให้เลือกหลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับสีผิวของแต่ละคนด้วย
ผิวขาวซีด : ควรเลือก SPF สูงสุด เพราะจะไวต่อแดดมาก ทำให้ผิวแสบไหม้ได้ง่าย
ผิวกลางๆ : ควรเลือก SPF กลางๆ ประมาณ 30 ก็ได้ค่ะ เพราะผิวมีเมลานินที่ทนต่อแสงได้มากกว่า
ผิวคล้ำ : เลือกแค่ SPF ไม่ต้องสูงมากก็ได้ เพราะผิวค่อนข้างทนต่อแสง จะได้ไม่เหนอะหนะ แต่ควรทาซ้ำบ่อยๆ เพราะผิวคล้ำเมื่อโดนรังสีแล้วจะคล้ำนานกว่าคนอื่นนะคะ
ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
SPF1 จะป้องกันแดดได้ประมาณ 20 นาที ถ้าอยากรู้ว่าค่า SPF สูงๆ สามารถป้องกันแดดได้นานแค่ไหนก็เอาตัวเลข SPFx20 เข้าไปค่ะ แต่ในความเป็นจริง เรามักจะมีเหงื่อออก หรือครีมกันแดดที่ซึมเข้าผิวไปแล้ว อาจจะหมดฤทธิ์ง่ายกว่า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง จะได้ผลดีที่สุด และที่สำคัญคือควรทาก่อนออกแดดประมาณ 15 นาที เพื่อให้กันแดดซึมเข้าผิวและมีประสิทธิภาพก่อนไปเจอรังสีสุดโหดนะจ๊ะ
ขอบคุณภาพสวยๆ จาก gen-zel, classpass, lovelyskin
อัพเดทข่าวสารนิตยสารผู้หญิงผ่านทาง LINE ฟรี
Add friend ที่ ID : @ladyissue (มี@นำ)