คนที่ชอบเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ต้องนั่งเครื่องบินข้ามประเทศกันไกลๆ มักจะเกิดอาการ Jet lag กันใช่ไหมล่ะซิส? สำหรับใครที่ไม่รู้นะคะ Jet lag เป็นอาการเหนื่อย รู้สึกอ่อนเพลียจากการที่เราต้องนั่งเครื่องบินข้ามประเทศไกลๆ ด้วยเวลาของแต่ละประเทศที่ต่างกัน ร่างกายเราเลยปรับตัวตามไม่ทันค่ะ สำหรับใครที่มีอาการแบบนี้อยู่ตามมาทาง
นี้เลยค่า เรามีคำแนะนำดีๆ มาฝากกันจ้า
1. ไม่จัดตารางแน่นเกิน
Photo By : beholdingu
แทนที่จะปล่อยให้เกิดอาการ Jet lag เราต้องเตรียมตัวรับมือก่อนค่ะ เริ่มจากจัดตารางธุระของเธอก่อน ไม่ต้องวิ่งวุ่นไปเที่ยว ไปธุระอะไรให้มันแน่นเกินไป เหลือเวลาสำหรับการกินและการนอนให้เต็มอื่มก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินในวันถัดไปค่ะ เพราะถ้าเธอออกไปธุระหรือไปเที่ยวแบบแน่นมากกก เรียกได้ว่าเดินทั้งวัน ไม่ได้พักเลย แล้วคิดว่าจะไปนอนพักบนเครื่องบินขอบอกว่า ไม่รอดนะ Jet lag แน่นอนค่ะซิส
2. เลี่ยงการเดินทางถึงที่หมายตอนกลางคืน
Photo By : caringforapathy
ถ้าเป็นไปได้ขอให้เลือกเที่ยวบินที่ทำให้เธอไปถึงที่หมายในตอนกลางวันแทนดีกว่าค่ะ พอไปถึงปุ๊บ เห็นแสงแดด แสงตะวัน การจราจรและผู้คนที่คึกคัก ร่างกายก็จะตื่นตัว ไม่รู้สึกง่วงนอน ถ้าเธอเดินทางถึงที่หมายตอนกลางคืน ความมืดจะทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าและต้องการพักผ่อนจ้า
3. ห้ามกินยานอนหลับ!
Photo By : wisegeek
ถ้าเธอต้องขึ้นเครื่องบินไปไกลมากๆ ห้ามกินยานอนหลับค่ะ การพึ่งพายา บังคับให้ตัวเองหลับเพื่อป้องกันอาการ Jet lag ไม่เวิร์คเลย ฝืนธรรมชาติสุดๆ แทนที่จะบังคับตัวเองให้นอนหลับด้วยยา ให้เธอหลับเมื่อรู้สึกง่วงจริงๆ จะดีมากกว่าค่ะซิส แต่ถ้าเธอนอนไม่หลับจริงๆ ตื่นเต้นกับการเดินทางมาก ให้ดื่มอะไรอุ่นๆ จะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นค่ะ
4. งดแอลกอฮอล์
Photo By : glamour
รู้ตัวว่าต้องบินไกล ห้ามไปดื่มแบบเต็มที่จนเมาหัวทิ่มเด็ดขาดค่ะ ยิ่งเธอเมาจะยิ่งทำให้อาการ Jet lag รุนแรงมากขึ้นนะจ๊ะ ต่อให้ดื่มแบบเบาๆ สักแก้วสองแก้วก็ไม่ได้จ้า เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและขาดน้ำ คิดดูว่าแต่เดิมร่างกายก็ทำงานหนักอยู่แล้ว พอเจอแอลกอฮอล์เข้าไปคราวนี้อาการแย่คูณสองเลยจ้า
5. เลี่ยงคาเฟอีนหน่อยนะ
Photo By : weheartit
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ น้ำอัดลมและเครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ เป็นสิ่งกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว ทีนี้แหละไม่ได้นอนเลยจ้า นั่งตาค้างยาวทั้งคืน ขัดขวางการนอนหลับสุดๆ แล้วยังทำให้อาการ Jet lag มากขึ้นอีกต่างหาก
6. ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ
Photo By : bustle
ถ้าใครติดเครื่องดื่ม แบบต้องหาเครื่องดื่มอะไรเข้าปากตลอดน้ำเปล่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วค่ะ ไม่มีคาเฟอีน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีสารเคมีอะไรที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แถมยังดีซะอีกที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า น้ำเปล่าช่วยแก้อาการ Jet lag ได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุดแล้วค่ะซิส
7. ปรับนาฬิกาใหม่
Photo By : favim
เมื่อขึ้นเครื่องแล้วให้ปรับนาฬิกาใหม่ค่ะ ตั้งค่าให้เวลาตรงกับประเทศที่เธอจะไป ถือเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่จะทำให้เธอรู้สึกได้ว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมง ไม่ใช่เวลานอนนะอะไรแบบนี้ ที่สำคัญ อย่าตั้งมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่บ้าน เพราะเธอจะหลงเวลาค่ะ คราวนี้แหละขึ้นเครื่องสายแน่จ้า
8. หมั่นเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ
Photo By : weheartit
การขยับร่างกายจะทำให้เลือดไหลเวียนไปส่วนต่างๆ ได้ดีขึ้น เธอจะลุกเดินหรือว่าขยับร่างกายเล็กน้อยบนที่นั่งของตัวเองก็ได้ (ถ้ามันไม่เดือดร้อนคนอื่นนะจ๊ะ) เนื่องจากอาการ Jet lag ทำให้เลือดชะลอตัวเราจึงต้องทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นโดยการขยับร่างกายนั่นเองค่า
9. กินให้ถูกเวลา
Photo By : businessinsider
เคล็ดลับในการปรับสภาพร่างกายให้ตรงกับเวลาในประเทศที่จะไปคือการกินค่ะ พอปรับนาฬิกาให้เวลาตรงกับประเทศที่ไปแล้วก็ให้เริ่มทานอาหารตามเวลาปกติเลยจ้า อย่างตอนเช้าก็จัดการกินขนมปังหรือข้าวอะไรก็ว่าไป แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นเวลา 5 ทุ่มของที่ไทยก็ตามค่ะ
10. นอน
Photo By : weheartit
ถ้า Jet lag ให้นอนหลับเลยค่ะ การนอนนี่ดีที่สุดแล้วจ้า ร่างกายเหนื่อย อ่อนล้านั่นแสดงว่าต้องการการพักผ่อนนั่นเอง เพราะฉะนั้นพยายามนอนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกว่าร่างกายจะบอกว่าพอแล้วนะ ไม่รู้สึกง่วงนอนอีกต่อไปแล้ว แต่ถ้ามีธุระต้องไปต่อก็ให้ใช้เวลาที่ว่างอยู่นอนให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกันค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพจาก skyscanner, huffingtonpost, tripsavvy
อัพเดทข่าวสารนิตยสารผู้หญิงผ่านทาง LINE ฟรี
Add friend ที่ ID : @ladyissue (มี@นำ)